หลังจากที่มีการโหวต นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 และทราบ ก่อนจะมีการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการแล้วว่านาย เศรษฐา ทวีสิน จากพรรคเพื่อไทย หลังจากที่ได้รับคะแนนการโหวตเลือกนายกอย่างท่วมท้นจึงส่งผลให้หลายคนได้พูดถึงเรื่องของนโยบาย เงินดิจิตอล 10,000 บาทซึ่งเป็นนโยบายจากพรรคเพื่อไทย ที่ได้มีการประกาศไว้ในช่วงของการหาเสียงว่าจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ จึงทำให้หลายคนเกิดข้อสงสัยว่าเงินดิจิตอล 10,000 บาทนั้นจะสามารถได้รับเมื่อไหร่และใครมีสิทธิ์ที่จะได้รับเงินจำนวนนี้บ้าง
เงื่อนไขที่จะได้รับเงิน 10,000 บาท
ทั้งนี้จากนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่เคยประกาศไว้สำหรับคุณสมบัติผู้ที่จะได้รับเงินดิจิตอลนี้ คือจะต้องเป็นประชาชนคนไทยที่มีอายุ 16 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปมีบัตรประชาชน ซึ่งคาดว่าผู้มีสิทธิ์ จะมีขั้นต่ำประมาณ 50 ล้านคน ส่วนผู้ที่ได้รับสวัสดิการอื่นๆจากรัฐอยู่แล้วเช่นผู้พิการหรือคนชราก็ยังสามารถที่จะมีสิทธิ์ได้รับเงินดิจิตอลได้เต็มจำนวนแบบไม่ต้องหัก จากที่รัฐจ่าย ในส่วนอื่น
ซึ่งการรับเงินดิจิตอลนี้ ระบบได้ถูกออกแบบมาดังนั้นประชาชนจึงไม่ต้องลงทะเบียน โดยสิทธิ์นั้นจะถูกผูกกับบัตรประชาชนของผู้ที่มีสิทธิ์ ซึ่งสำหรับผู้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟนหรือไม่สามารถโหลด Application ก็ไม่มีปัญหาเพราะสามารถใช้ได้ผ่านเลขบัตรประชาชน 13 หลัก
ส่วนเงื่อนไขในการใช้เงินดิจิตอลนั้นผู้มีสิทธิ์สามารถใช้จ่ายได้ตามร้านค้าที่มีรัศมี 4 กิโลเมตรจากที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน แต่ทั้งนี้ก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามลักษณะของภูมิประเทศ โดยสินค้าที่สามารถซื้อได้คืออาหารเครื่องมือทำกินยารักษาโรคต่างๆ ยกเว้นสินค้าที่เกี่ยวกับอบายมุข สินค้าออนไลน์และการพนัน โดยกำหนดระยะเวลาในการใช้เงินดิจิตอล ต้องใช้จ่ายให้หมดภายใน 6 เดือน ซึ่งผู้ที่มีสิทธิ์จะสามารถใช้แบบรวดเดียว 10,000 บาทหรือจะทยอยใช้จนครบก็ได้เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ยังไม่สามารถเบิกหรือถอนเป็นเงินสดได้ สามารถใช้จ่ายผ่านร้านค้าที่รับชำระเงินดิจิตอลเท่านั้น และคาดว่าโครงการนี้สามารถจะเริ่มในวันที่ 1 มกราคมปี 2567
สรุป
นอกจากนี้ ในช่วงก่อนหาเสียงพรรคเพื่อไทย ได้เคยแจ้งนโยบายของกระเป๋าเงินดิจิตอลถึงประโยชน์เรื่องของลดความเสี่ยงและมีความปลอดภัยเป็นเงินสกุลใหม่ที่ง่ายต่อการใช้จ่าย และเป็นการกระตุ้นและหมุนเวียนของเศรษฐกิจและร้านค้าในชุมชมได้เป็นอย่างดี ซึ่งในขณะนี้ยังคงเป็นเพียงแค่นโยบายเท่านั้นยังไม่มีการออกมาประกาศ ในเรื่องของการบังคับใช้ดังนั้นจึงเป็นที่จับตาของพี่น้องประชาชนว่าทางด้านพรรคเพื่อไทยนั้นจะประกาศนโยบายนี้ตามที่เคยหาเสียงหรือไม่
