ลดหย่อนภาษี อีกเพียงแค่ไม่กี่เดือนก็จะปลายปีแล้วแต่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่ก่อนจะก้าวพ้นปีนี้ไป สิ่งที่พวกเราทุกคนจำต้องทำในเดี๋ยวนี้ก็คือการวางเป้าหมายภาษีรายได้บุคคลธรรมดา วิธีการของการวางเป้าหมายภาษีนั้นง่ายสุดๆเลย ซึ่งก็คือโดยทั่วไปแล้วทุกคนที่มีรายได้นั้น จำเป็นจะต้องเสียภาษี แต่ว่ารัฐบาลนั้นระบุรายการต่างๆโดยชอบด้วยกฎหมายเอาไว้ เพื่อนำไปหักลดจากรายได้ของพวกเรา ทำให้พวกเราเสียภาษีลดน้อยลง การวางเป้าหมายภาษีก็เลยเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆเลยจ๊ะ วันนี้เราเลยจะมาบอกวิธีการลดหย่อนภาษีให้ทราบกัน
จุดสำคัญของการวางเป้าหมายลดหย่อนภาษี
การวางเป้าหมายลดหย่อนภาษี เป็นแนวทางที่จะทำให้พวกเราได้ รวมทั้งประหยัดเงินในกระเป๋าของตนเองได้มากขึ้น แนวทางลดหย่อนภาษีที่พวกเราเลือกก็นับว่าเป็นผลตอบแทนกับตนเองด้วย ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนใน UFABET เว็บตรง กองทุนรวม การซื้อสัญญาประกันแล้วก็ประกันสุขภาพ การซื้ออสังหาริมทรัพย์ และก็ยังรวมทั้งการจับจ่ายต่างๆก็สามารถเอามาผ่อนปรนภาษีได้
รายการ ลดหย่อนภาษี เงินภาษีคืน

ที่มา www.finnomena.com
- สิทธิลดหย่อนส่วนตัวแล้วก็ครอบครัว
- ค่าลดหย่อนส่วนตัว ผ่อนปรนได้ 60,000 บาท ทุกคนสามารถนำไปผ่อนปรนภาษีได้โดยไม่มีเงื่อนไข
- ค่าลดหย่อนคู่ครอง ผ่อนปรนได้ 60,000 บาท สำหรับคู่ครองที่จดทะเบียนถูกกฎหมาย รวมทั้งคู่ครองจำเป็นต้องไม่มีรายได้ในปีภาษีนั้น
- ค่าลดหย่อนฝากครรภ์รวมทั้งคลอดลูก ที่จ่ายให้กับสถานพยาบาลของรัฐหรือเอกชน ผ่อนปรนได้ไม่เกิน 60,000 บาท
- ค่าลดหย่อนภาษีลูก ผ่อนปรนได้คนละ 30,000 บาท ซึ่งควรจะเป็นลูกโดยชอบด้วยกฎหมายหรือลูกบุญธรรม แล้วก็ลูกมีอายุไม่เกิน 20 ปี หรืออายุ 20 – 25 ปี แม้กระนั้นกำลังศึกษาเล่าเรียนอยู่ หรือในเรื่องที่ลูกอายุเกิน 25 ปี ขึ้นไป แต่ว่ามีสถานะเป็นบุคคลไม่มีความสามารถ
- ค่าลดหย่อนภาษีกรุ๊ปประกัน

ที่มา https://krungthai.com
- เงินประกันสังคม สามารถผ่อนปรนภาษีได้จากที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 6,300 บาท (จากธรรมดา 9,000 บาท) เพราะปี พุทธศักราช 2565 มีการปรับลดอัตราเงินเก็บประกันสังคม
- เบี้ยประกันชีวิตรวมทั้งประกันแบบสะสมสินทรัพย์ ลดหย่อนได้จากที่จ่ายจริงสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท โดยข้อจำกัดของค่าผ่อนปรนสัญญาประกันชีวิตคือ ควรจะมีช่วงเวลาปกป้อง 10 ปีขึ้นไป จำต้องทำประกันกับบริษัทสัญญาประกันชีวิตในประเทศไทย
- เบี้ยประกันสุขภาพ รวมทั้งเบี้ยประกันอุบัติเหตุที่คุ้มครองปกป้องสุขภาพ ผ่อนปรนได้จากที่จ่ายจริงสูงสุดไม่เกิน 25,000 บาท และก็เมื่อรวมกับสัญญาประกันชีวิตรวมทั้งประกันแบบสะสมสินทรัพย์ จำเป็นต้องไม่เกิน 100,000 บาท
- เบี้ยประกันสุขภาพของบิดามารดา ผ่อนปรนได้จากที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท
- เบี้ยประกันชีวิตแบบเบี้ยบำนาญ สามารถเอามาลดหย่อนภาษีได้ 15% ของรายได้ จากที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท โดยข้อจำกัดของค่าลดหย่อนสัญญาประกันชีวิตคือ ควรมีช่วงเวลาป้องกัน 10 ปีขึ้นไป จำเป็นต้องทำประกันกับบริษัทสัญญาประกันชีวิตในประเทศไทย และก็มีการจ่ายผลตอบแทนเป็นรายงวดอย่างสม่ำเสมอ
- ลดหย่อนภาษีด้วยกองทุน
- กองทุนประกันสังคมลดหย่อนได้จากที่จ่ายจริง แม้กระนั้นไม่เกิน 7,200 บาท (จากเดิมไม่เกิน 9,000 บาท)
- กองทุนรวมเพื่อการดำรงชีพ (RMF) ลดหย่อนได้ไม่เกิน 30% ของรายได้รวมถึงปี แต่ว่าไม่เกิน 500,000 บาท เมื่อรวมกับกองทุนเพื่อการเกษียณอายุอื่นๆ
- กองทุนรวมเพื่อการเก็บออม (SSF) ลดหย่อนได้ไม่เกิน 30% ของรายได้และปี แต่ว่าไม่เกิน 200,000 บาท และไม่เกิน 500,000 บาท เมื่อรวมกับกองทุนเพื่อการเกษียณอายุอื่นๆ
- กองทุนบำเหน็จเบี้ยบำนาญราชการ (กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ)/กองทุนสำรองดำรงชีพ (PVD)/กองทุนช่วยเหลืออาจารย์โรงเรียนที่เป็นของเอกชนลดหย่อนได้ไม่เกิน 15% ของรายได้รวมถึงปี แต่ว่าไม่เกิน 500,000 บาท เมื่อรวมกับกองทุนเพื่อการเกษียณอายุอื่นๆ
- ลดหย่อนภาษีด้วยเงินช่วยเหลือ
- เงินบริจาคทั่วๆไป ลดหย่อนได้จากที่จ่ายจริง แต่ว่าไม่เกิน 10% ของรายได้ข้างหลังหักค่าลดหย่อน
- เงินบริจาคเพื่อการเล่าเรียน กีฬา ปรับปรุงสังคม แล้วก็โรงพยาบาล ลดหย่อนได้ 2 เท่าของเงินช่วยเหลือจริง แต่ว่าไม่เกิน 10% ของรายได้ข้างหลังหักค่าลดหย่อน
- เงินช่วยเหลือพรรคการเมือง ลดหย่อนได้ดังที่จ่ายจริง แม้กระนั้นไม่เกิน 10,000 บาท
เอกสารที่จำต้องตระเตรียมในการใช้สิทธิลดหย่อนภาษี
ลดหย่อนภาษี แบบการยื่นภาษีรายได้บุคคลธรรมดามีอยู่ 2 แบบ คือ ภาษีเงินได้90 (สำหรับผู้มีรายได้นอกจากค่าจ้างรายเดือน) รวมทั้ง ภาษีเงินได้91 (สำหรับผู้มีรายได้เป็นค่าตอบแทนรายเดือนโดยไม่มีอาชีพเสริมอื่น) แล้วก็จำเป็นที่จะต้องตระเตรียมเอกสารดังต่อไปนี้
- ใบรับรองภาษีรายได้หัก ณ ที่จ่าย (ใบ 50 ทวิ)
- รายการลดหย่อนภาษีที่เก็บรวบรวมตลอดปี ยกตัวอย่างเช่น ค่าเลี้ยงดูลูก ค่าเลี้ยงดูบิดามารดา
- เอกสารประกอบกิจการลดหย่อนภาษี เพื่อกรอกแบบฟอร์มการยื่นจ่ายภาษี